รถยนต์ไฮโดรเจน

รถยนต์ไฮโดรเจน ถูกสร้างสถิติขับระยะไกลสุดจากทีม Eco – Runner เป็นทีมนักศึกษาจำนวน 24 คน จากมหาวิทยาลัย Delft University of Technology ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ได้พัฒนารถขนาดเล็กที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน โดยออกแบบให้มีประสิทธิภาพด้านระยะทาง แม้ว่าจะมีกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่มาแรง แต่ทีม Eco – Runner เห็นว่ารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเจนนั้นก็สามารถขับบนถนนลาดยางได้เช่นกัน และสามารถพัฒนาควบคู่กันไปได้ เพื่อตอบโจทย์การใช้รถยนต์พลังงานทางเลือก ซึ่งในบทความนี้จะมาพูดถึงการพัฒนานวัตกรรม ข้อดีข้อเสีย และสิ่งที่ควรรู้ของรถยนต์ไฮโดรเจน

รถยนต์ไฮโดรเจน

รถยนต์ไฮโดรเจนทำลายสถิติการวิ่งระยะไกล

รถยนต์ไฮโดรเจน คือ รถยนต์ที่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยพลังงานไฮโดรเจน โดยรถยนต์ประเภทนี้ก็ได้มีการเร่งผลักดันในเรื่องของการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์เคลื่อนที่เพื่อเป็นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อช่วงปี 2021 ที่ผ่านมานี้นี่เอง และถือเป็นเทคโนโลยีอนาคตที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก

ทีมนักศึกษาจากเนเธอร์แลนด์ สร้างสถิติโลกใหม่ด้วยการขับรถยนต์ไฮโดรเจนในระยะทางไกลที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยระยะทางไม่ต่ำกว่า 2,488.4 กม. โดยใช้พลังงานไฮโดรเจนเพียง 1 กก.

รถยนต์ไฮโดรเจนได้รับการพัฒนามาระยะหนึ่งแล้ว แต่เทคโนโลยีนี้ยังต้องเผชิญกับความท้าทายและอุปสรรคในเรื่องของประสิทธิภาพและระยะทาง ทีม Eco – Runner ซึ่งเป็นทีมนักศึกษาจำนวน 24 คน จากมหาวิทยาลัย Delft University of Technology ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้พัฒนารถซิตี้คาร์ขนาดเล็กที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน โดยออกแบบให้รถรุ่นล่าสุดมีประสิทธิภาพด้านระยะทางจนสามารถทำลายสถิติเดิมลงได้

ทีม Eco – Runner ประสบความสำเร็จในการขับรถซิตี้คาร์ขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถวิ่งเป็นระยะทางไม่ต่ำกว่า 2,488.4 กิโลเมตร สร้างสถิติใหม่ของกินเนสส์ได้ในระยะเวลา 3 วัน โดยใช้พลังงานไฮโดรเจนเฉลี่ยเพียง 1 กิโลกรัม ซึ่งระยะทางเทียบเท่ากับการขับรถจากเบอร์ลินไปอิสตันบูล โดยกิจกรรมนี้ได้ถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 23-25 มิถุนายน 2023 ซึ่งทำลายสถิติเดิมที่เคยทำไว้ที่ 2,055.7 กิโลเมตร

การสร้างสถิติโลกใหม่ครั้งนี้ ทีมพัฒนาได้มุ่งหน้าไปยังสนามแข่งทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันอีโค-มาราธอนประจำปีของบริษัทเชลล์ โดยทีมพัฒนาได้ใช้คนขับรถทั้งหมด 11 คน ผลัดกันขับรถวนรอบสนามระยะทาง 5 กิโลเมตรเป็นกะ กะละ 2 ชั่วโมง รวม 71.5 ชั่วโมง ซึ่งใช้เวลาในการขับรถทั้งกลางวันและกลางคืน โดยจะมีการหยุดรถเมื่อเปลี่ยนคนขับเท่านั้น

รถยนต์ไฮโดรเจนของทีม Eco – Runner ประสบความสำเร็จในการสร้างสถิติใหม่นั้น โดยเป็นรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนขนาดเล็ก ซึ่งทางทีมมองว่าเป็นรถยนต์แห่งอนาคตที่จะมีขนาดเล็กลง เบาขึ้น โดยอาศัยหลักอากาศพลศาสตร์

แม้ว่าจะมีกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเห็นได้จากการนำเสนอของสื่อทั่วทุกมุมโลก แต่ทีม Eco – Runner นั้นเห็นว่ารถยนต์ซิตี้คาร์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเจนนั้นก็สามารถขับเคลื่อนบนถนนลาดยางได้เช่นกัน และสามารถพัฒนาควบคู่กันไปได้ เพื่อตอบโจทย์การใช้รถยนต์พลังงานทางเลือกอย่างยั่งยืน

ลักษณะของรถยนต์ไฮโดรเจน

มื่อคนขับสตาร์ทรถแล้ว สิ่งแรกที่รถต้องทำคือเติมไฮโดรเจนลงในเซลล์เชื้อเพลิง ที่นั่นมันผสมกับออกซิเจน สกัด กรอง และบีบอัดจากภายนอกโดยคอมเพรสเซอร์ ด้วยพันธมิตรนี้จะผลิตไฟฟ้าและน้ำ

สิ่งสำคัญคือพลังงานจะถูกถ่ายโอนไปยังแบตเตอรี่เพื่อจัดเก็บ มันไม่เข้าสู่เครื่องยนต์โดยตรง กระบวนการนี้ทำในลักษณะนี้เพื่อให้แน่ใจว่ามีพลังงานอยู่เสมอเมื่อคนขับต้องการและไม่มีอาการผิดปกติ

จนถึงตอนนี้ การทำงานของยานพาหนะที่มีลักษณะเหล่านี้จะได้รับผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตอันใกล้นี้ จากการประมาณการโดย Spanish Hydrogen Energy Association (AeH2) อุตสาหกรรมคาดการณ์ว่า รถยนต์ไฮโดรเจน 140.000 คันจะหมุนเวียนในสเปนภายใน 11 ปี

ข้อดีของรถยนต์ไฮโดรเจน

  • ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ

รถยนต์ไฮโดรเจนจะปล่อยไอน้ำเท่านั้น รถยนต์ประเภทนี้เรียกว่ารถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน (FCEV) มีลักษณะคล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้าในหลายๆ ด้าน การไม่ปล่อยสารอันตรายจะช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อมและลดมลพิษร้ายแรงที่เกิดจากการขนส่งแบบเดิมๆ

  • เติมน้ำมันเร็ว

ใช้เวลาเพียง 3-5 นาทีในการเติมเชื้อเพลิงรถยนต์ด้วยไฮโดรเจน ซึ่งใกล้เคียงกับเวลาที่ต้องใช้สำหรับน้ำมันเบนซินหรือดีเซล ในแง่นี้ รถยนต์ไฟฟ้าลดระดับลงเพราะต้องใช้เวลาเติมเชื้อเพลิงอย่างน้อย 30 นาที ในทำนองเดียวกัน จากข้อมูลของ AeH2 ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการเติมเชื้อเพลิงรถยนต์ไฮโดรเจนคือ 8,5 ยูโรต่อ 100 กิโลเมตร ซึ่งใกล้เคียงกับค่าใช้จ่ายของผู้ขับขี่รถยนต์ดีเซลหรือน้ำมันเบนซิน

  • บรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยมลพิษของสหภาพยุโรป

หากคุณเป็นเจ้าของรถยนต์ไฮโดรเจน คุณจะต้องรอ (และปรับตัว) ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการลดการปล่อยมลพิษของสหภาพยุโรปในปี 2030 สำหรับปีนั้น การปล่อยมลพิษจาก รถใหม่ควรจะน้อยกว่า 35% ในปี 2021

  • บำรุงรักษาน้อยที่สุด

เมื่อเทียบรถยนต์ไฮโดรเจนกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน รถยนต์เหล่านี้มีการบำรุงรักษาเครื่องยนต์เพียงเล็กน้อยและง่ายกว่ามาก ไฮโดรเจนมีความสะอาดในการผลิตและใช้งาน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงกลายเป็นตัวทดแทนที่แท้จริงซึ่งได้รับการส่งเสริมโดยประเทศที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก ตัวอย่างเช่น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เยอรมนีจัดสรรเงิน 140 ล้านยูโรในแต่ละปีเพื่อพัฒนาพลังงานนี้

  • ไม่มีเสียงดัง

รถยนต์ไฮโดรเจนนั้นเงียบและปราศจากมลภาวะเหมือนรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป แต่พวกเขาแซงหน้าพวกเขาในแง่มุมที่สำคัญมากอีกประการหนึ่ง และสามารถเดินทางได้เฉลี่ย 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ในขณะที่ไฮโดรเจนสามารถเดินทางได้มากกว่าสองเท่า

  • จอดรถได้โดยไม่ต้องจ่าย

เนื่องจากรถยนต์ไฮโดรเจนถือเป็นรถยนต์ที่สะอาด รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนจึงถูกระบุว่าเป็น ‘การปล่อยมลพิษเป็นศูนย์’ โดย DGT เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า สิ่งนี้นำมาซึ่งประโยชน์เช่นเดียวกับที่ “พี่น้อง” ของเขาได้รับ (โดยเฉพาะในบางเมือง) ในหมู่พวกเขา พวกเขาไม่มีข้อจำกัดในการขับขี่ สามารถจอดในโซน SER ได้โดยไม่ต้องจ่าย และสามารถเคลื่อนย้ายได้แม้ว่าข้อตกลงในการป้องกันมลพิษที่จัดตั้งขึ้นในเมืองหลักเช่นมาดริดและบาร์เซโลนาจะเปิดใช้งานในช่วงเวลาหนึ่ง

  • ทนอุณหภูมิสุดขั้ว

ข้อดีอีกประการของรถยนต์ไฮโดรเจนคือ ไม่เหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่สามารถทนต่ออุณหภูมิที่สูงเกินไปได้ สมรรถนะของรถแทบไม่เปลี่ยนแปลง และช่วงของรถก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า

ข้อเสียของรถยนต์ไฮโดรเจน

  • ราคาซื้อที่สูงขึ้น

ผู้ผลิตรถยนต์ไฮโดรเจนได้ทำงานอย่างหนักเพื่อลดราคา แต่ก็ยังสูงกว่ารถยนต์ไฟฟ้า แน่นอนว่าสิ่งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตแต่ละรายและแต่ละรุ่น ถึงกระนั้น แบรนด์ต่างๆ ที่เริ่มเดิมพันตัวเลือกนี้แล้ว ก็รับรองว่ารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจนจะมีราคาจับต้องได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ปัจจุบันเป็นบัญชีที่รอดำเนินการ ลักษณะของเซลล์เชื้อเพลิงและถังไฮโดรเจนนั้น พวกเขาต้องทนต่อแรงกดดันที่สูงมากเป็นสาเหตุหลักของต้นทุนการผลิตที่สูง

  • สถานที่เติมน้ำมันไม่กี่แห่ง

จนถึงตอนนี้ เครือข่ายสถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนนั้นไร้สาระจริงๆ ในสเปน “เครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังน้ำ” (ที่รู้จักกันทั่วไป) สามารถนับได้ด้วยมือ ตามข้อมูลของศูนย์พลังงานไฮโดรเจนแห่งชาติ มีเพียง XNUMX แห่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตั้งอยู่ในเซบียา, Puertollano, Albacete, Zaragoza, Huesca และ Barbastro ประเทศอื่นๆ ได้เริ่มเดิมพันอย่างเด็ดขาดในทางเลือกนี้

  • หลากหลายรุ่น

เมื่อเลือกรถยนต์ไฮโดรเจนมีตัวเลือกไม่มากนัก ปัญหาของเทคโนโลยีในปัจจุบันนี้คือผู้ผลิตไม่กล้าผลิตโมเดลจำนวนมาก ในแง่นี้ เครือข่ายจิ๋วของ “เครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังน้ำ” ที่กล่าวถึงข้างต้นมีอิทธิพลชี้ขาด ย่อมจะเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ เนื่องจากปั๊มน้ำมันมีน้อยและราคารถยนต์สูง ความต้องการจึงยังต่ำเกินไป ล้วนหมายความว่าผู้ผลิตไม่กล้าเข้าสู่ธุรกิจจัดจำหน่ายอย่างเต็มที่

  • ใช้พื้นที่มากขึ้น

รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงมีความซับซ้อนทางเทคนิคอย่างมาก ในกรณีส่วนใหญ่ ส่วนประกอบทั้งหมดในรถ (เครื่องยนต์ ชุดควบคุมและคอนเวอร์เตอร์ เกียร์ เซลล์เชื้อเพลิง) โดยเฉพาะพื้นที่ในถังไฮโดรเจน ทำให้รุ่นที่ผลิตจนถึงตอนนี้มีขนาดใหญ่มาก

รถยนต์ไฮโดรเจน

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไฮโดรเจน

ในขณะที่บ้านเราตอนนี้กำลังฮือฮากันกับหลากรถใหม่ที่เปิดตัวออกมาส่งท้ายปี แต่ในตลาดโลก ปฐมบทใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อ Toyota เปิดตัวรถยนต์ Toyota Mirai ใหม่ รถยนต์ไฮโดรเจนคันแรกที่พร้อมวางขายจริง แต่ในขณะที่หลายคนคิดว่านี่มันไกลตัวไปมากๆ ยิ่งบ้านเรายังไม่ส่งเสริมแม้กระทั่งรถไฮบริด บางทีมีบางอย่างที่คุณควรรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไฮโดรเจน ดังนี้

1. ไม่ปล่อยไอเสีย  รถไฟฟ้าอาจจะถูกอุปโลกว่ามันไม่มีไอเสีย Zero emission แต่ใครที่ทำงานในแวดวงวิศวกรรมต่างทราบดีว่ารถไฟฟ้า สร้างไอเสียที่ไหนสักแห่งอย่างแย่ที่สุดก็โรงไฟฟ้า แต่รถยนต์ไฮโดรเจนไม่ใช่แบบนั้นเพราะไฮโดรเจนใช้หลักการแยกโมเลกุลของไฮโดรเจนมาผสานกับออกซิเจน ทำให้มันไม่มีการปล่อยไอเสียโดยสิ้นเชิงไม่ว่าจะกรณีใดๆ ก็ตาม

2. ไม่ต่างจากรถใช้น้ำมัน ถ้าคุณคิดว่าเมื่อรถยนต์เปลี่ยนแนวคิดไป คุณต้องเปลี่ยนพฤติกรรมไปด้วย รถยนต์ไฮโดรเจนไม่ใช่แบบที่คุณคิด โดยเฉพาะเมื่อรถยังต้องการพลังงานจากภายนอกเข้าสู่รถ แทนที่จะเป็นน้ำมัน มันจะกลับกลายเป็นไฮโดรเจนเหลว ซึ่งการเติมใช้เวลาไม่นานนักอย่างเช่น  Toyota Mirai จะเติมไฮโดรเจนจนเต็มใช้เวลาเพียง 5 นาทีแต่ว่าที่ Honda FCV Concept ใหม่กลับใช้เวลาเพียง 3  นาที  ซึ่งเท่ากับที่เราใช้เติมน้ำมันโดยเฉลี่ย

3. ราคาไม่แพงอย่างที่คิด แม้ว่าบ้านเราอาจจะไม่เคยมีแนวคิดในเรื่องรถยนต์ไฮโดรเจนมาก่อนแต่ถ้าคิดว่ารรถยนต์ไฮโดรเจนมีราคาแพงก็คงต้องคิดใหม่ เพราะความจริงแล้วเจ้ารถไฮโดรเจนนั้นอย่าง Toyota Mirai มีราคาจำหน่ายเพียง 58,325 ดอลล่าร์ หรือถ้าเคาะเป็นเงินไทยก็นับว่าถูกมากเพียงราวๆ 2 ล้านบาทเท่านั้น

4. การขับขี่ที่นุ่มเงียบอย่างเหลือเชื่อ เทคโนโลยีรถยนต์ไฮโดรเจนคืออีกขั้นของการพัฒนารถยนต์ ที่จริงมันเป็นขั้นที่สูงกว่ารถยนต์พลังไฟฟ้า ทำให้หลายสิ่งที่มีในรถไฟฟ้ามีในรถยนต์ไฮโดรเจน ไม่ว่าจะความเงียบในการเดินทางและสมรรถนะจากมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่ง Toyota Mirai มาพร้อมชุดมอเตอร์ไฟฟ้าเทียบเท่ากำลัง 157 แรงม้า ทำแรงบิดได้ 247 ปอนด์ฟุต และถ้าถามถึงสมรรถนะมันมาสามารถเร่ง 0-100  ก.ม./ช.ม. ใน 9 วินาทีเท่านั้น

5. ทนทานกว่าที่คิด สิ่งที่หลายคนกลัวกับเทคโนโลยีใหม่ คงไม่พ้นความทนทานในการใช้งานซึ่งไม่น่าแปลกใจนัก แต่จะว่าไปแม้เทคโนโลยี Fuel Cell จะเป็นเรื่องใหม่มาก แต่ Toyota กล้าที่จะรับประกันระบบนานถึง 8 ปี หรือระยะทางมากถึง 100,000 ไมล์ ซึ่งหมายความถึงระบบรถยนต์ไฮโดรเจนมีความสามารถรองรับการใช้งานที่ยาวนาน ที่จริงอาจจะมากกว่าเครื่องยนต์ด้วยซ้ำไป

 

เรื่องรอบโลกอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ที่มาของบทความ

 

ติดตามอ่านเรื่องรอบโลกได้ที่ babe369.com

สนับสนุนโดยufabet369